Last updated: 13 ก.ค. 2561 | 123237 จำนวนผู้เข้าชม |
THAIHERB สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาสรุปเนื้อหาให้คุณเข้าใจง่ายยิ่งขึ้นว่า “สรุปแล้วผู้ป่วยกรดไหลย้อนทานอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง”
พวกเราจะคุ้นเคยกันดีกับโรคกระเพาะอาหารมากกว่าโรคกรดไหลย้อน ดังนั้นเมื่อเกิดอาการ "เรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก ปวดแสบร้อนในช่องท้องส่วนบน ปวดบริเวณหน้าอก" ก็จะคิดกันก่อนว่านั่นเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหาร ทั้งที่ความจริงแล้วอาจจะเป็น "โรคกรดไหลย้อนจากกระเพาะสู่หลอดอาหาร”
“โรคกรดไหลย้อน" เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร โดยของที่ไหลย้อนส่วนใหญ่จะเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนน้อยอาจเป็นด่างจากลำไส้เล็ก โดยอาจมีหรือไม่มีหลอดอาหารอักเสบก็ได้
อาการหลักๆที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง คือ แสบร้อนบริเวณหน้าอก, กลืนอาหารลำบาก, เสียงแหบแห้ง, คลื่นไส้อาเจียน, เจ็บคอ, น้ำหนักตัวลด, รู้สึกเปรี้ยวๆขมๆในปาก นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีอาการอื่นๆอีกด้วย
ในปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนจำนวนมากขึ้น เหตุส่วนหนึ่งมาจากที่มาของโรคนี้ โดยปัจจัยหลักๆเกิดจากพฤติกรรมของเราเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารมื้อดึก ทานอาหารตามใจปาก กินแต่ของมัน ของทอด เฮฮาปาร์ตี้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกสัปดาห์ สูบบุหรี่ และยังไม่รวมถึงการทานบุฟเฟ่เป็นชีวิตจิตใจ พฤติกรรมทั้งหมดเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วยเป็นกระเพาะและกรดไหลย้อน สุดท้ายแล้วเราจะต้องมาใช้ชีวิตแบบทรมานทุกวันกับอาการของโรคนี้ แต่หากเราเริ่มหันกลับมาดูแลรักษาร่างกายตัวเองอีกครั้ง อาการเหล่านี้ก็สามารถหายขาดได้เช่นกันค่ะ เพียงแค่เราเริ่มทานยารักษาอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการคุมพฤติกรรมตามที่เรากำลังจะนำเสนอคุณในวันนี้ค่ะ
อะไรกินดี
1.อาหารไขมันต่ำ
เนื้อปลา, ไก่, ไข่ขาว, นมชนิดไขมันต่ำ, น้ำเต้าหู้
2.อาหารไฟเบอร์สูง อาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะย่อยง่าย ดีต่อระบบย่อยอาหาร
ธัญพืช, ข้าวโอ๊ต, โฮลวีท, โฮลเกรน, ผัก, ผลไม้
3.ผลไม้สำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อน ไม่ควรกินผลไม้ที่มีกรดมาก
กล้วย, แตงโม, แคนตาลูป, แอปเปิล, พีช, ลูกแพร์, อะโวคาโด และผลไม้รสหวานชนิดอื่นๆ
4.น้ำขิง ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนเหมือนขมิ้นชัน มีส่วนช่วยในเรื่องของ
การขับลม, ช่วยย่อย, กระตุ้นการทำงานของลำไส้, ลดอาการท้องอืด และกรดเกิน
5.ไขมันดี มนุษย์เราต้องการไขมันไปใช้งานในแต่ละวัน แต่สำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อน แนะนำเป็นไขมันจาก
อะโวคาโด, แฟลกซ์ซีด, น้ำมันมะกอก, น้ำมันงา และน้ำมันดอกทานตะวัน
อะไรกินไม่ดี
1.อาหารไขมันสูง (เนื่องจากไขมันจะไปรวมตัวกับกรดในกระเพาะ จะทำให้จุกหรือร้อนกลางอก)
อาหารทอด, อาหารมัน, ช็อกโกแลต, Fast-food, กะทิ, นม, เนย, ชีส, ไอศกรีมหรือไขมันจากเนื้อสัตว์
2.อาหารที่มีแก๊สมาก (เพราะจะไปกระตุ้นการสร้างน้ำย่อยให้มากขึ้น)
น้ำอัดลม, ชา, กาแฟ, โซดา, เครื่องดื่มชูกำลัง, อาหารรสเปรี้ยวจัด, เผ็ดจัด, ถั่ว
3.น้ำส้มสายชู (งดปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู เพราะจะไปเพิ่มกรดภายในกระเพาะ)
4.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เพราะจะไปกระตุ้นกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารให้เปิดออก)
เบียร์, สุรา, ไวน์, ค็อกเทล
5.ผลไม้ที่มีกรดมาก
ส้ม, องุ่น, มะนาว, เลมอน, มะเขือเทศ, สับปะรด, น้ำผลไม้รสเปรี้ยว รวมถึงซอสมะเขือเทศ
6.ผักที่มีกรดแก๊สมาก (จะไปเพิ่มแก๊สในกระเพาะ ทำให้แสบร้อนกลางอก)
หอมหัวใหญ่, กระเทียม, พริก, พริกไทย, หอมแดง, เปปเปอร์มิ้นต์หรือสะระแหน่ รวมทั้งผักดิบทุกชนิด
7.อาหารหมักดอง (ไปเพิ่มแก๊ส ทำให้จุกเสียด แน่นท้อง)
ปลาร้า, หน่อไม้ดอง, ผักกาดดอง, ผลไม้ดอง, ผลไม้แช่อิ่ม, กิมจิ, ซูชิบางชนิดที่มีผักดอง
8.อาหารเสริมไขมันสูง (เพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร)
ไม่แนะนำให้กินน้ำมันตับปลา, สารสกัดจากกระเทียม, วิตามินE และ C
9.การเคี้ยวหมากฝรั่ง (หมากฝรั่งจะไปเพิ่มการหลั่งน้ำลาย ทำให้เรากลืนน้ำลายลงท้องมากขึ้น รวมถึงการกลืนลมเข้าไปด้วย)
และทั้งหมดนี้คือแนวทางการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อนโดยสังเขป
ขอบคุณที่ติดตามอ่านบทความสุขภาพของเรามาโดยตลอดค่ะ
สนับสนุนโดย:
7 ต.ค. 2561
9 พ.ค. 2561
22 พ.ค. 2561
13 ส.ค. 2567